AI คืออะไร?

ปัญญาประดิษฐ์ (AI, Artificial Intelligence) คืออะไร?

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือแขนงหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบและเครื่องจักรที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผล จำลองกระบวนการคิดของมนุษย์ และดำเนินกลยุทธ์ขั้นสูงได้ หากกล่าวโดยง่าย เป้าหมายสูงสุดของ AI คือการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจได้ใกล้เคียงมนุษย์

จุดกำเนิดของปัญญาประดิษฐ์

แต่ AI เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มนุษย์จินตนาการถึงการสร้างเครื่องจักรที่มีศักยภาพเทียบเท่าสมองของมนุษย์มาอย่างยาวนาน อลัน ทัวริง ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งปัญญาประดิษฐ์ เคยตั้งคำถามว่า “เครื่องจักรสามารถคิดได้หรือไม่?” ซึ่งจุดประกายให้ผู้คนเริ่มตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสมองอิเล็กทรอนิกส์

ในปี ค.ศ. 1956 จอห์น แมคคาร์ธี และนักวิชาการอีกหลายคนได้บัญญัติคำว่า “Artificial Intelligence” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” ขึ้นมา ซึ่งนำไปสู่การขยายงานวิจัยและการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแพร่หลาย หลังจากความพยายามอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ วิจัยด้าน Machine Learning, Deep Learning และการวิเคราะห์รูปแบบ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้มนุษย์สามารถพัฒนา AI ไปสู่วิธีการประยุกต์ใช้ที่หลากหลายดังที่เราเห็นในปัจจุบัน ไทม์ไลน์แสดงพัฒนาการของ AI ตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปจนถึงการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)
timeline showing the development of AI from artificial intelligence, to machine learning, and deep learning

ข้อดีและข้อเสียของ AI

เทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างรวดเร็ว และช่วยวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพแรงงานดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ เทคโนโลยีใหม่นั้นมาพร้อมกับทั้งประโยชน์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ว่า AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ค่าใช้จ่ายในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากด้วย AI ก็ถือว่าสูงเช่นกัน
  • สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้ภายในเวลาอันสั้น
  • ทำงานได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยไม่หยุดพักหรือเบี่ยงเบน
  • มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดน้อย ช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์ที่เกิดจากการขาดสมาธิ
  • ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับระบบ รวมถึงคุณภาพและปริมาณของข้อมูลที่ใช้
  • มีค่าใช้จ่ายสูงในการพัฒนา และต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบ
  • จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่มีทักษะเชิงเทคนิคยังมีจำกัดในตลาดแรงงาน

ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อนคืออะไร? ปัญญาประดิษฐ์แบบแข็งคืออะไร?

ปัญญาประดิษฐ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ “ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อน” หรือ Artificial Narrow Intelligence (ANI) และ “ปัญญาประดิษฐ์แบบแข็ง” หรือ Artificial General Intelligence (AGI)

ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อน (ANI, Artificial Narrow Intelligence)

ANI คือ AI ที่สามารถจำลองความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ได้บางส่วนในขอบเขตจำกัด เช่น การจดจำใบหน้า การแปลภาษา และการนำทางอัตโนมัติ ANI ไม่มีจิตสำนึกและเป็นรูปแบบการใช้งาน AI ที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน

ปัญญาประดิษฐ์แบบแข็ง (AGI, Artificial General Intelligence)

AGI หมายถึงคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การใช้ภาษา และการคิดอย่างมีเหตุผล รวมถึงมีจิตสำนึก AGI ในปัจจุบันยังคงมีอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์เท่านั้น แม้ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่าอาจพัฒนาได้จริงภายใน 10–20 ปีข้างหน้า

Machine Learning, Deep Learning และ AI ต่างกันอย่างไร?

หลังจากเข้าใจความหมายของ AI แล้ว คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคำว่า Machine Learning (ML) และ Deep Learning (DL) จึงมักถูกพูดถึงควบคู่กับ AI และทั้งสามสิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?

Machine Learning คืออะไร?

Machine Learning คือแขนงหนึ่งของ AI ที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากในการฝึกระบบโดยใช้อัลกอริธึมต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงและสร้างโมเดลสำหรับให้คำตอบหรือข้อเสนอแนะ

Deep Learning คืออะไร?

Deep Learning คือแขนงย่อยของ Machine Learning ที่ใช้โครงสร้างเครือข่ายประสาทเทียมซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสมองมนุษย์ สร้างอัลกอริธึมที่มีหลายชั้นเพื่อให้ระบบสามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง

Machine Learning และ Deep Learning ช่วยอุตสาหกรรมได้อย่างไร?

ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระบบสารสนเทศและเครื่องจักรถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย AI เองก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีบทบาทสำคัญในหลายภาคส่วน เช่น การเงิน การผลิต โทรคมนาคม ซอฟต์แวร์ และอื่น ๆ

ในภาคการผลิต Machine Learning และ Deep Learning มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ลดของเสีย และยกระดับคุณภาพของสินค้า โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และเครื่องจักร บริษัทสามารถระบุจุดที่ควรปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้

ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI บริษัทสามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า ตัดสินใจได้ดีขึ้น และพัฒนาการดำเนินงานของตน เมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เราก็จะได้เห็นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
Stylized graphic of a neural network representing an AI brain, with the words 'Artificial Intelligence' in capital letters.