OCR(Optical Character Recognition) คืออะไร?
บทนำสู่ OCR
OCR ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกเมื่อกว่า 50 ปีก่อน เพื่อใช้ในการรู้จำข้อความพิมพ์พื้นฐาน แต่ต่อมาได้พัฒนาขึ้นร่วมกับเทคโนโลยี AI และ Machine Vision ปัจจุบันระบบ OCR สามารถแปลความหมายของฟอนต์ต่าง ๆ ตัวเขียนลายมือ และแม้กระทั่งสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน เช่น สมการคณิตศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ
นอกเหนือจากการแปลงเป็นดิจิทัลแล้ว OCR ยังถูกใช้อย่างกว้างขวางในภาคอุตสาหกรรม เช่น การตรวจจับข้อบกพร่อง การรู้จำป้ายทะเบียนรถ การตรวจสอบอัตโนมัติ และการยืนยันตัวตน โดยการผสานรวม OCR เข้ากับระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงความแม่นยำ และลดกระบวนการทำงานด้วยมือในงานที่มีปริมาณมากได้
ประเภทของเทคโนโลยี OCR
Simple OCR (การจับคู่รูปแบบ)
Simple OCR อาศัยการจับคู่รูปแบบ โดยเปรียบเทียบข้อความที่สแกนกับฐานข้อมูลของฟอนต์และแบบอักษรที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แม้จะมีประสิทธิภาพในการรู้จำข้อความพิมพ์มาตรฐาน แต่มีข้อจำกัดเมื่อต้องรับมือกับฟอนต์ที่หลากหลาย ลายมือ และรูปแบบเอกสารที่ซับซ้อน
ICR (การรู้จำตัวอักษรอย่างชาญฉลาด)
ICR(Intelligent Character Recognition) เป็นเทคโนโลยี OCR ขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อรู้จำอักขระที่เขียนด้วยลายมือ โดยมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษกับลายมือที่เป็นระเบียบในช่องที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น แบบฟอร์มหรือเอกสารที่มีเส้นบรรทัด อย่างไรก็ตามยังคงมีความท้าทายในการรับมือกับลายมือแบบเขียนติดกันหรือรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงสูง
IWR (การรู้จำคำอย่างชาญฉลาด)
IWR(Intelligent Word Recognition) แตกต่างจาก ICR โดยไม่แยกเป็นตัวอักษร แต่จะรู้จำคำหรือวลีที่เขียนด้วยลายมือทั้งหมดในคราวเดียว แทนที่จะวิเคราะห์รูปทรงของแต่ละตัวอักษร ระบบจะประมวลผลจากรูปร่างและบริบทของคำ ทำให้เหมาะสมกว่ากับลายมือแบบเขียนต่อเนื่องหรือเปลี่ยนแปลงบ่อย และยังช่วยเพิ่มความแม่นยำด้วยการใช้พจนานุกรมและโมเดลภาษามาช่วยตีความและแก้ไขคำผิด
OCR ทำงานอย่างไร?
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมภาพ (Image Pre-Processing)
การลดสัญญาณรบกวน (Noise Reduction): กำจัดจุดเปื้อน คราบ หรือความบิดเบือนที่รบกวนการรู้จำ
การแปลงเป็นภาพขาวดำ (Binarization): แปลงภาพให้เป็นขาวดำเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจจับตัวอักษร
การปรับแนวภาพ (Deskewing): ปรับข้อความที่เอียงให้ตรง
การทำให้บางลง (Thinning): ลดความหนาของตัวอักษรเพื่อให้ได้โครงร่างที่ชัดเจนและมาตรฐาน
ภาพที่เตรียมไว้อย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ผลลัพธ์การรู้จำข้อความที่แม่นยำยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 2: การประมวลผล (Text Recognition)
การแยกคุณลักษณะ (Feature Extraction): อัลกอริทึมจะแยกตัวอักษรออกเป็นเส้น โค้ง และจุดตัด เพื่อค้นหารูปแบบเฉพาะของแต่ละอักขระ
การจับคู่รูปแบบ (Pattern Matching): นำคุณลักษณะที่ได้ไปเทียบกับฐานข้อมูลตัวอย่างอักขระเพื่อหาค่าที่ตรงที่สุด
ระบบ OCR สมัยใหม่ยังสามารถใช้ Machine Learning และ Neural Network เพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยเฉพาะในกรณีของฟอนต์ซับซ้อน ลายมือ หรือข้อความที่ผิดเพี้ยน
ขั้นตอนที่ 3: การปรับผลลัพธ์ (Post-Processing)
การตรวจคำสะกดและวิเคราะห์บริบท: แก้ไขคำผิดโดยอ้างอิงจากโมเดลทางภาษา
การแยกคำและอักขระ: จัดระยะห่างระหว่างคำและตัวอักษรให้เหมาะสม
การจัดรูปแบบผลลัพธ์: แปลงข้อความที่รู้จำได้ให้เป็นรูปแบบดิจิทัลที่สามารถค้นหา แก้ไข และนำไปใช้งานได้ เช่น ข้อความธรรมดา ไฟล์ PDF หรือข้อมูลในฐานข้อมูล
ขั้นตอนสุดท้ายนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อความที่ได้จะถูกต้องมากที่สุดก่อนเก็บหรือประมวลผลต่อ
การประยุกต์ใช้ OCR
การแปลงเอกสารกระดาษเป็นดิจิทัล
ระบบป้อนข้อมูลอัตโนมัติ
การรู้จำข้อความจากภาพและวิดีโอ
การช่วยเข้าถึงข้อมูลสำหรับผู้พิการทางสายตา
การใช้งาน OCR ในภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมการผลิต
ในยุค Industry 4.0 การผลิตอัจฉริยะพึ่งพาการแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลและกระบวนการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างมาก OCR ช่วยติดตามการผลิตแบบเรียลไทม์ สร้างฐานข้อมูลกลางที่มีรายละเอียดครบถ้วน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การตรวจสอบย้อนกลับ และการตัดสินใจ ด้วยการแปลงข้อมูลจากพื้นที่การผลิต เช่น หมายเลขชิ้นส่วน ใบสั่งงาน และบันทึกลายมือ ให้เป็นดิจิทัล ผู้ผลิตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและยกระดับผลิตภาพโดยรวมได้
อาหารและเครื่องดื่ม
เทคโนโลยี OCR มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าฉลากสินค้ามีความถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย OCR ช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดบนฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น วันหมดอายุ และรายการส่วนประกอบ เพื่อป้องกันการจัดจำหน่ายสินค้าที่ติดฉลากผิด และลดความเสี่ยงจากค่าปรับที่มีต้นทุนสูง ด้วยการปรับปรุงการควบคุมคุณภาพ OCR จึงช่วยให้มั่นใจทั้งในด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและความปลอดภัยของผู้บริโภค
เภสัชกรรมและการแพทย์
ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ OCR สามารถแปลงเอกสารกระดาษเป็นดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ลดการป้อนข้อมูลด้วยมือ และรับรองความถูกต้องของข้อมูลผู้ป่วย นอกจากนี้ OCR ยังสามารถสแกนฉลากยาและบรรจุภัณฑ์ เพื่อจับคู่ข้อมูลยาเข้ากับโปรไฟล์ของผู้ป่วยในระบบหลังบ้านแบบทันที ช่วยให้สั่งจ่ายยาและการรักษาได้อย่างถูกต้อง เพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความแม่นยำในสภาพแวดล้อมที่การเข้าถึงข้อมูลอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ
โลจิสติกส์
OCR มีบทบาทสำคัญในด้านโลจิสติกส์ โดยช่วยเพิ่มความแม่นยำและความเร็วในการติดตามพัสดุ ด้วยการผสานเข้ากับระบบอัตโนมัติเช่น สายพานลำเลียง แขนกล และโดรน OCR ช่วยให้ติดตามพัสดุได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้การจัดส่งตรงเวลาและลดข้อผิดพลาด อีกทั้งยังช่วยในการบริหารสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการกระจายสินค้าและการจัดการคลังสินค้า